วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2555

24 เรื่องแปลกๆจากทั่วโลก ไม่รู้ทำไปได้ไง 24 unusual groups from around the world. I do not know.


24 เรื่องแปลกๆจากทั่วโลก ไม่รู้ทำไปได้ไง
1.นักถ้ำมองโครตสกปรก 

เป็น ชาวอเมริกันแต่ไม่ระบุชื่อเพราะญาติขอร้อง อายุ 37 ปี อยู่เมืองเลล์ เกลด รัฐฟลอริดา อาชีพเพาะปลูก เมื่อเวลาว่างชายคนนี้จะมีอาชีพพิเศษคือชอบแอบมองสาวทำธุระโดยการตะเวณดูตาม สุขาทั่วเมือง และยิ่งมองยิ่งติดใจจงตัดสินใจแช่ในถังส้วมหลุมเพื่อมองเห็นสาวทำธุระจะๆ ตา(ส้วมเมืองนอกเขาเป็นแบบนี้) เผลิญสาวคนหนึ่งเขาทำธุระปล่อยทุ่นส่วนตัวเสร็จ แล้วบังเอิญไปเห็นอะไรไม่รู้มีตาสองตาของคนจึงแจ้งตำรวจ แล้วเจ้าถ้ำมองคนนั้นก็ถูกตำรวจเรียกรถเครนพร้อมตะขอเกี่ยวนักถ้ำมองออกจาก หลุม จากนั้นก็หย่อนลงบึงน้ำเสียเลย 

2.แล้วใครจะมาแทน 

นาง ซินเธีย บรวน ชาวออสซี่ ได้ปลดเกษียณอายุงาน 62 ปีลง ที่โรงงานผลิตยาแห่งหนึ่ง จากสถิตทำงาน 34 ปีเต็ม โดยงานที่เธอทำสุดภาคภูมิใจคือ เธอสูดดมกลิ่นตด หรือก้นผู้ป่วยโรคริดสีดวงถวาร เนื่องจากบริษัทแห่งนี้ผลิดน้ำยาดับกลิ่นก้นและส่งใส่ว่าผลิตภัณฑ์เขาใช้ได้ กับผู้ป่วยหรือไม่ 

3. สถิตนี้ใครกล้าทำลาย 

โด แนลด์ คิง วัย 38 ปี ชาวเมืองเคพทาวน์ ประเทศเซาธ์แอฟริกา เขามีสถิดอันดับโลกโครตภูมิใจคือ เขาเป็นสามีหรือผัวของสัตว์ตัวเมียไม่น้อยกว่า 600 ตัว โดยเมียสัตว์ของโดแนลด์มีทั้ง แพะ แกะ วัว ควาย ม้า หมา แมว แรด นกกระจอกเทศ ลามา ไฮยีน่า กวาง เต่าตะนุ ลิงชิมแปมซี กอริลล่า ตัวกินมด (โฮ้กล้ามั่วขนาดนี้เลยเรอะ) 

4. อยากดัง 

เลิฟ วีนี่ ดาราโนเนม ชาวลอนดอน ทำยังไงก็ไม่ดังเสียที วันหนึ่งเธอเข้าส้วมก็เกิดไอเดียสุดเจ๋ง เธอใช้เงินก้อนสุดท้ายทำอัมบั้มซีดี.ทันที โดยการอัดเสียงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องน้ำขณะที่ตนเองเข้าใช้ ไม่ว่าเสียงแปรงฟัน เสียงขุยเสลด เสียงฉี่ ตด หาวเรอ เสียงอึตกกระทบกับน้ำ ผลคืออัลบัมเธอขายดีมากกว่า30000 แผ่น และราคาแผ่นพอๆ กับแผ่นป๊อบฮิตเลยทีเดียว (ดังสมใจเลย) 

5. ตายสุดซวยที่สุดในโลก 

อัน นี้เคยออกข่าวแล้วนะ บีทรีส วิลเลียมสัน อายุ 77 ปี พลเมืองอาวุโสชาวอังกฤษ วันหนึ่งเธอออกไปทำสวนหลังบ้าน ขณะที่เธอทำงานเพลินขณะนั้นก็มีของเสียก้อนหนึ่งตกลงมาจากห้องน้ำเครื่องบิน พอดีช่วงนี้อากาศหนาวจัดทำให้ของเสีย(ขี้) จับก้อนน้ำแข็งจนโตเท่าผลส้มตกลงหัวอย่างรุนแรง เธอล้มลงเสียชีวิตทันที (เฮ้อ..ทำมั้ยซวยยังงี้) 

6. แข่งกินของสัปดนชิงแชมป์โลก 

การ แข่งนี้เกิดขึ้นที่ออสเตเลีย ชื่อรายการ ไอแซล อีท แอนนีธิง คอนเทสต์ แปลว่าฉันจะ แ ด ก ทุกอย่างที่ขวางหน้า ของที่กินมีทั้ง คอไก่สดๆ ฉี่วัว1ถ้วย หนอน ไส้เดือนสด ไขมันคน 1 ถ้วยที่ดูดมาจากคลีนิก (แวะ ) 

7. สั่งขี้มูลไกลที่สุดในโลก 

โจ อานนี่ เมสัน สาวสวย หุ่นดี แต่พฤติกรรมสุดอนาถ เพราะเธอมีความสามารถพิเศษคือสั่งขี้มูกขนาดเท่าเม็ดถั่วแดงไกลถึง 151 ฟุต 3 นิ้วครึ่งขนาดเท่าสนามฟุตบอล (โอโห ซูดยอด) 

8.แมวฉันอยู่ในจานเป็ด 

มา ร์ซา ชาวนิวยอร์ก เสียใจมากที่แมวตัวโปรดชื่อ พัลซั่ม หายตัวไป เธอเศร้ามากจึงเดิมมาที่ภัตราคารจีน "xxx๊ดลัค ยู แฮป"สั่งเป็ดทอดมากินเพราะคิดว่าเธอจะคลายเศร้าได้ พอดีตอนที่เธอกินอาหารอย่างอร่อย ตำรวจ 3 นาย มาร้านพร้อมหมายค้นว่าร้านนี้ลักแมวลักหมามาปรุงอาหารขายแก่ลูกค้า......และ แล้วมาร์ชาก็ตามตำรวจไปดูในครัวแล้วก็เห็นหัวแมวของเธอแขวนกับตะขอ และพ่อครัวก็ยอมรับว่าเป็ดทอดที่เธอกินเป็นแมวของเธอเอง............... อร่อย 

9. ฉี่ก็มีดี 

นัก วิจัยชาติไหนก็ไม่รู้เ พากันตกตะลึงว่าฉี่นั้นมีดี โดยพบคุณสมบัติที่ว่ามีฤทธิ์คล้ายยากล่อมประสาท ทำให้คนรู้สึกสุขสบายและมีความสุข เมื่อเห็นดังนี้นักวิจัยเลยนำไปสกัดเป็นแคปซูลขายในราคา 5 ดอลลาร์เสียเลย 

10.มนุษย์ตดตายอย่างสมศักดิ์ศรี 

โจ นาธาน กริกส์ ชาวอังกฤษ เขาป่วยเป็นโรคประหลาด เกี่ยวกับโรคระบบทางเดินย่อยอาหารและกล้ามเนื้อทำให้เกิดแก๊สในท้องและตด เป็นประจำทุกระยะ 11 วินาที อยู่ดีไม่ว่าดีนายคนนี้ดันมีภรรยาและอยู่ 19 ปีเต็ม มีหรือที่เธอจะทนได้ เธอเลยจับสามีขังไว้ในตู้เก็บผ้าแบบปิดมิดชิด ปล่อยให้สามีตดตั้งแต่เช้าจนเย็น และวันต่อมาภรรยาเขาก็ลองจุดไฟเหย่ไปดู ปรากฏว่าบ้านระเบิดพังเป็นแถบ ตายกันทั้งสามีภรรยา 

...หากชาติมีจริง ขอให้เราทั้ง2เกิดมาคู่กัน... 

11.นักเลียสิวสถิตโลก 

นาง สาวแซลลี่ ดาลตัน อายุ 19 ปี เมืองโอ๊กแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ เปิดอาชีพเป็นนักเลียสิว โดยใช้ลิ้นสะกิดสิวให้หัวออก เธอทำทั้งหัวดำ หัวช้าง และเธอทำมาตั้งแต่ปี 1942 จนอายุ 21 ปี เธอทำสถิตเลียสิวแก่ผู้คนรวม 5000 คน 

12.อาหารชวนอ้วกที่สุดในโลก 

วง การอาหารโลกต้องบันทึกสถิตว่าเป็นอาหารที่ขยะแขยงของโลกที่เคยมีบันทึกมา เหตุเกิดที่ภัตตาคาร "โอมาร์" ในกรุงอัสตันบูล ประเทศตุรกี มีอาหารชนิดหนึ่งชื่อ "ซุปเห็ด" ดังมากคนต่อเข้าคิวไปกินจนแน่นร้านทุกวัน  มีอยู่วันหนึ่งลูกค้าคนหนึ่งเกิดสงสัยว่าทำไมเนื้อเห็ดมันเหนียวผิดปกติกว่า วันอื่นๆ จึงมีการตรวจสอบ ผลปรากฏว่าแท้ที่จริงเนื้อเห็ดที่เหนียวๆ นั้น เป็นเนื้อผิวหนังที่ตาย ตัดออกจากปลายแขน ปลายขา คนป่วยโรคเรื้อนนั้นเอง.....อ้วก! (สงสัย...คงอร่อยน่าดู ) 

13.หมอพยาบาลหนีกระเจิง 

เหตุ เกิดที่ห้องผ่าตัดแห่งหนึ่งในนครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา เมื่อแพทย์และพยาบาลดูดไขมันจากหน้าทาง(ไลโปซัคั่น) จากสาวอ้วนคนหนึ่งชื่อ มาร์ธ คีเนอร์ หนัก 975 ปอนด์ หรือ 442 กิโลกรัม ระหว่างที่ดูดจู่ๆ เครื่องดูดไขมันเกิดทำงานผิดพลาดแทนที่จะพ่นไขมันลงถุงกลับพ่นกระจายไปทั้ง ห้อง แพทย์ และพยาบาล ต้องวิ่งหนีอุตลุด 

14.เรื่องน่าเศร้าของช่างตัดผมตาบอด 

ซา มูเอล โครเจอร์ อายุ 55 ปี เป็นช่างตัดผมอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่ตาบอดทั้งสองข้าง วันนั้นแก่เดินถือเก้าอี้สำหรับเด็กสำหรับนั่งตัดผม ขณะนั้นเขาเดินอยู่ริมถนนในเมืองแอตแลนต้า ด้วยความซวย ซามูเอลเกิดล้มหน้าคะมำลงกับพื้น บังเอิญมีหมามาขี้ไว้เกินบะเริ่ม ก้อนขี้หมานั้นเข้าปากเขาเต็มๆๆ.....อ้วก! (เฮ้อ...ซวย) 

15.อาหารนี้ช่วยรอดชีวิต 

ด. ช. ทอมมี่ กรีลีย์ อายุ 10 ขวบ อาศัยอยู่ในกรุงไนโรบี ประเทศเคนยา เขาเกิดมาพร้อมโรคแพ้อาหารทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นนมแม่ ขนมก็แพ้ ถ้ากินเข้าไปจะอาเจียนจนหมดไส้หมดพุง แต่......มีอาหารอย่างหนึ่งที่ทอมมี่กินแล้วไม่อ้วก และสามารถเจริญเติบโตได้อย่างแข็งแรง นั้นคือขี้มูลเหลวๆ จากปากหรือจมูกเด็กๆ นั้นเอง 

16.มนุษย์ปืนใหญ่ลงผิดที่ 
  
โร เจอร์ เคนนีย์ เป็นนักแสดงผาดโผนเสี่ยงตาย เป็นมนุษย์ปืนใหญ่ยิงจากปากกระบอกปืนไปไกลถึง 100 ฟุต แล้วตกไปจุดที่คำนวณไว้อย่างแม่นยำ  ครั้งหนึ่งในการแสดง เกิดความผิดพลาดจากแรงอัดกระบอกปืนทำให้ร่างเขาลอยพ้นตาข่าย และเวลานั้นช้างกำลังขี้พอดี หนาของโรเจอร์จึงพุ่งเข้าตูดช้างอย่างแม่นยำ (เจ๋งเป้ง...แม่นเปะ) 

17.มนุษย์งู 

เรื่อง นี้เคยออกข่าวมาแล้วช่อง 3 บรูโน่ โทรลอคซี่ ชาวอิตาลี กำลังฝึกฝนสมาธิแบบชาวตะวันออก วันๆ ไม่ทำการอะไร เอาแต่เล่นโยคะ อยู่มาวันหนึ่งเขารู้สึกว่าลิ้นของเขามันใหญ่ไป คับปากคับคอ เป็นอุปสรรคต่อการฝึกสมาธิเขาจึงใจกรรไกลคมๆ อ้าปากอาๆๆ แล้วตัดฉับลิ้นแยกเป็น 2 แฉก จบ.............. 

18.ศิลปิน 

เน็ด โทเลอร์ ได้ชื่อว่าเป็นศิลปินสุดเพี้ยน แต่งานเขานั้นสวยงาม ตระการตา ความสัปดนเขาเริ่มขึ้นเมื่อเมียคลอดแฝด 3 ออกมา ด้วยความแป็นศิลปิน เขาเอาผ้าออมแบบใช้แล้วของเด็กแฝดมาจัดการคลุกเคล้ากับขี้แล้วผสมอะไร บางอย่าง สร้างผลิตภัณฑ์เครื่องประดับ เช่น สร้อยลูกประคำ เข็มกลัดติดเสื้อ กิ๊ปหนีบผม ฯลฯ 

19.มนุษย์หมาป่า 

โร เบิร์ต จอห์นสัน หรือ เฟ็ช เกิดพลัดหลงพ่อมากลางป่า ฝูงหมาป่ามาเห็นเข้าจึงเก็บไปเป็นลูก ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ จนกระทั้ง 10 ขวบ จึงได้รับการช่วยเหลือออกมาอยู่กับสังคมมนุษย์เหมือนเดิม แต่นิสัยของโรเบิร์ตยังแก้ไม่หาย แม้ปัจจุบันนี้ เขาจะโตแล้ว เป็นถึงผู้บริหารนักการธนาคาร แม้ในขณะประชุม เขายังขอเวลานอกเพื่อที่จะเข้าห้องส่วนตัว อาเจียนของเก่าออกมาใส่จานแล้วเลียกลับเข้าไปเหมือนเดิม 

20.คนสกปรกที่สุดในโลก 

วิ ลลี่ เครเมอร์ แห่งเมืองยูยีน รัฐโอเรกอน ได้รับฉายาว่า คุณขี้เปียก เนื่องจากเขาสะสมก้อนประหลาดกลิ่มเหม็นเน่า หนักกว่า 27 ปอนด์ไว้ห้องนั่งเล่นเขา ก้อนเหม็นนั้นมาจากสิ่งละอันพันละน้อยจากสะดือ รูหู จากรูจมูก ขี้ไคล ผสมด้วยน้ำอสุจิ 

21.ภารโรงขี้เล่น 

ใน ห้องแล้บทดลองทางโภชาการแห่งหนึ่ง ในเมืองแฟรค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี เมื่อนักวิจัยกลับบ้านแล้ว ก็ถึงเวลาที่ภารโรงมาทำความสะอาด วันรุ่งขึ้นนักวิจัย เข้ามาภายในเพื่อเข้าทำงานต่อ แทนที่จะทำงานกับด่าพ่อล้อแม่เพราะถาดงานวิจัยเกิดสลับปนไปหมด พร้อมถาดใส่ใส้เอแคลร์กับราสเบอรี่ ได้มีถาดก้อนสำลีซับเลือดซับหนองมาแทนเพราะภารโรงขี้เล่นแท้ ๆ (เฮ้อ...ซวย) 

22.ดิ่งพสุธาลงผิดที่ 

แค เธอรีน เดลาแพลนเต้ เป็นนักดิ่งพสุธาหญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นมืออาชีพ ครั้งหนึ่งเธอดิ่งพสุธา ปรากฏว่าถูกลมกรรโชกเลยเป้าหมายออกนอกเมืองนับเป็นไมล์ ๆ เธอบังคับร่มลงในแปลงปลูกผักแปลงหนึ่ง โดยหล่นตูมลงถังปุ๋ยหมักที่เปิดฝาจนขึ้นอืด อย่างสุด ๆ 
(เย่ แม่นจัง ) 

23.ฆ่าตัวตายแบบสกปรก 

เคนท์ เกรียร์ วัย 56 ปี ชาวอังกฤษ ป่วยเป็นโรคปอดอักเสบเรื้อรังหลายปี ทำให้เขาหายใจลำบาก มีเสลดพัดคอตลอดเวลา ความจริงรักษาหาย แต่เขาบอกตัวเองว่า "อยู่ไปก็รกโลก" จึงตัดสินใจฆ่าตัวตายแบบพิสดาร เขาเติมน้ำจนเต็มอ่างอาบน้ำเด็กก้มหน้าปล่อยให้เสลด น้ำมูก ปะแน่นรูจมูก 2 รู และบางส่วนปิดหลอดลม จนหน้าเขาซุกลงในอ่างน้ำ แล้วเขาก็ตายอย่างสมใจนึกเพระขาดอากาศหายใจ 

24.จิตแพทย์ก็บ้าเป็น 

เมื่อ ปี 1992 มีจิตแพทย์ผู้วชาญโรคจิตในผู้สูงอายุชาวอเมริกันนำเสนอวิธีการบำบัดโรคจิต แก่คนไข้ของตนเอง โดยให้คนไข้แก้ผ้าแล้วนอนในอ่างอาบน้ำ จากนั้นหมอก็แก้ผ้าจนล่อนจ้อนก้มหน้าใช้ลิ้นตัวเองเลียร่างกายคนป่วยจนทั่ว ตัว กว่าจะรู้ว่าจิตแพทย์คนนั้นเป็นบ้า ด้วยให้คนป่วยโรคจิตแหละมาบอกว่า "หมอเป็นบ้าไปแล้วเจ้าค่า"
ที่มา เด็กดี.คอม

เรื่องของ "โลก" ในมุมที่คุณไม่รู้ The world you know


เรื่องของ "โลก" ในมุมที่คุณไม่รู้

           โลกเกือบกลมใบนี้ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่เมื่อประมาณ 4,540 ล้านปีก่อน ในฐานะดาวเคราะห์ดวงหนึ่งของระบบสุริยะ (Solar system) ที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง โลกมีสารพัดเรื่องราวให้มนุษย์ได้ศึกษาทำความเข้าใจกันอย่างไม่มีวันจบสิ้น หลายๆ เรื่องราว หลายๆ ข้อมูลเป็นสิ่งที่เราอาจไม่เคยรู้หรือแทบจะนึกไม่ถึงมาก่อน แต่ถ้าได้ลองเก็บมานั่งทบทวนดูแล้ว เราจะพบความมหัศจรรย์ของโลกใบนี้ได้อีกมากเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่นเรื่องดังต่อไปนี้
ลักษณะกายภาพ

          1. เริ่มกันตั้งแต่ขนาดของโลกก่อน โลก (Earth) มีเส้นรอบวงตามแนวนอน 40,075 กิโลเมตร และเส้นรอบวงตามแนวตั้ง 40,008 กิโลเมตร ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของดาวเคราะห์ทั้งหมดในระบบสุริยะ แต่เล็กกว่าดวงอาทิตย์ถึง 100 เท่า ถ้าเราไม่มีเงินไปเที่ยวรอบโลก ให้เดินทางจากเหนือสุดถึงใต้สุดของประเทศไทย 20 ครั้ง ก็จะเท่ากับเดินทางรอบโลก 1 รอบพอดี
          2. ถ้าเอาโลกวางลงบนเครื่องชั่งน้ำหนัก (ที่เครื่องใหญ่พอ) ตัวเลขมวลของโลกที่จะแสดงออกมาก็คือ 5,973,600,000,000,000,000,000,000 กิโลกรัม หรือเขียนให้ง่ายขึ้นกว่าเดิมว่า 5.9736×1024 กิโลกรัม
          3. ใครที่บอกว่า "โลกกลม" คนนั้นผิด เพราะด้วยขนาดตามข้อแรก ทำให้โลกมีรูป "ทรงรี" ที่เกือบๆ จะเป็นทรงกลม แต่สมัยหนึ่งมนุษย์เคยถูกประหารชีวิต เพราะไม่ยอมเชื่อว่า "โลกแบน" คนที่เกือบจะเป็นหนึ่งในนั้นก็คือ กาลิเลโอ (Galileo Galilei) แต่โชคดีที่เขาฉลาดพอจะแกล้งสาบานว่าเชื่อเพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไปได้
          4. ส่วนใครที่บอกว่า "ก็โลกมันเอียง" คนนั้นพูดถูก เพราะแกนโลกเอียงทำมุมจากแนวดิ่ง (แนวตั้ง) ประมาณ 23.5 องศา ถ้านึกภาพไม่ออก ให้นึกว่าโลกเป็นลูกชิ้นปิ้งที่ถูกไม้เสียบอยู่กลางลูก แล้วเราถือไม้ให้มันเอียงจากแนวดิ่งไป 23.5 องศา โลกก็จะเอียงตามด้วยมุมที่เท่ากัน
          5. โลกหมุนรอบตัวเองด้วยความเร็ว 1,674.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร็วกว่าความเร็วสูงสุดของเครื่องบินโดยสารแอร์บัส A380 เสียอีก แต่เพราะขนาดของโลกมันใหญ่มากเมื่อเทียบกับขนาดตัวของเรา จึงทำให้เราไม่รู้สึกเลยว่าโลกกำลังหมุนอยู่ (ยกเว้นคนกำลังเมาเหล้า) ด้วยความเร็วขนาดนี้ทำให้โลกใช้เวลาหมุนรอบตัวเองหนึ่งรอบเท่ากับ 23 ชั่วโมง 56 นาที 4.09 วินาที แต่เพื่อไม่ให้วุ่นวายจึงต้องปัดเศษเป็น 24 ชั่วโมงเต็ม
          6. ไม่ใช่แค่หมุนรอบตัวเองเท่านั้น แต่โลกยังหมุนรอบดวงอาทิตย์ไปด้วยพร้อมๆ กัน ที่ความเร็ว 107,218 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบเท่ากับ 365.24 วัน แต่ปัดเศษเหลือแค่ 365 วันเต็ม นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมทุกๆ 4 ปี เดือนกุมภาพันธ์จะต้องมี 29 วัน ก็เพราะบวกเศษที่เหลืออีกปีละ 0.24 วัน รวมเข้าด้วยกันเป็นอีกหนึ่งวันนั่นเอง
          7. ทุกวันนี้โลกส่งแรงโน้มถ่วง 9.81 เมตรต่อวินาทีกำลังสอง มาดึงดูดเราเอาไว้ ในขณะที่ดาวพลูโตมีแรงโน้มถ่วงน้อยกว่านั้นถึง 15 เท่า หมายความว่า ถ้าอยู่บนโลกเรากระโดดได้สูง 1 เมตร เมื่อไปอยู่บนดาวพลูโตเราจะกระโดดได้สูงถึง 15 เมตร
          8. จากแรงโน้มถ่วงดังกล่าวของโลก ทำให้เราต้องใช้จรวดที่มีความเร็วมากกว่า 40,269.60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อให้หลุดพ้นไปจากอิทธิพลของแรงโน้มถ่วง และพุ่งทะยานออกไปนอกโลกได้
          9. ถ้าผ่ากลางโลกออกเป็น 2 ซีกเหมือนผ่าแตงโม เราจะเห็นภายในโลกแบ่งเป็นชั้นใหญ่ๆ 3 ชั้น ชั้นบนสุดคือ "เปลือกโลก" (Crust) ที่เราอาศัยอยู่ มีความหนาประมาณ 30-50 กิโลเมตร ลึกลงไปเป็นชั้น "เนื้อโลก" (Mantle) ซึ่งก็คือชั้นของหินหนืดที่พุ่งขึ้นมาเป็นลาวาบนพื้นโลกเมื่อเกิดภูเขาไฟระเบิด ชั้นนี้มีความหนาประมาณ 3,000 กิโลเมตร มีอุณหภูมิประมาณ 800-4,300 องศาเซลเซียส ชั้นในสุดของโลกคือ "แกนโลก" (Core) หนาประมาณ 3,300 กิโลเมตร มีอุณหภูมิประมาณ 4,300-6,400 องศาเซลเซียส ส่วนประกอบหลักของชั้นนี้คือธาตุเหล็ก รอบนอกจะเป็นเหล็กเหลว แต่ส่วนในสุดที่เป็นแก่นกลางของโลกมีความหนาแน่นมหาศาล จนทำให้เหล็กเหลวกลายเป็นเหล็กแข็ง
          10. และที่พูดกันว่า โลกทุกวันนี้เต็มไปด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้น แท้ที่จริงแล้วในชั้นบรรยากาศของโลกมี "ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์" อยู่เพียง 0.038% ส่วนก๊าซที่มีอยู่มากที่สุดก็คือ "ก๊าซไนโตรเจน" ซึ่งมีถึง 78.08% ของชั้นบรรยากาศ รองลงมาก็คือ "ก๊าซออกซิเจน" 20.95% และ "ก๊าซอาร์กอน" 0.93% แต่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนแค่นี้ก็ทำให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก จนนำมาสู่ภาวะโลกร้อนอย่างทุกวันนี้ได้แล้ว ส่วนประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุดประจำปี พ.ศ.2549 แน่นอนต้องเป็นประเทศยักษ์ใหญ่อย่าง "จีน" (21.5%) ตามมาด้วย "สหรัฐอเมริกา" (20.2%) ซึ่งทิ้งห่าง "รัสเซีย" ที่ได้อันดับ 3 อย่างขาดลอย (5.5%) และ "ไทย" อยู่ในอันดับที่ 22 ของโลก (1.0%) เห็นกันหรือยังว่าใครคือตัวการหลักที่ทำให้สภาพอากาศโลกปั่นป่วนอยู่ในขณะนี้
          11. โลกมีพื้นที่ผิว 510,072,000 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นน้ำประมาณ 71% (361,132,000 ตารางกิโลเมตร) ที่เหลืออีกประมาณ 29% (148,940,000 ตารางกิโลเมตร) เป็นพื้นดิน แต่ก็ใช่ว่าพื้นดินทั้งหมดมนุษย์จะสามารถอาศัยอยู่ได้ เพราะพื้นดินประมาณ 13,720,000 ตารางกิโลเมตร ที่เป็นทวีปแอนตาร์กติกา มีอากาศหนาวจัดจนไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่อย่างถาวร มีแต่พวกนักวิจัยจอมอึดเพียงประมาณพันคนเท่านั้นที่ทนอยู่ได้
          12. ถ้าเมื่อไรที่โลกขาดแคลนน้ำจืด "ทวีปแอนตาร์กติกา" (Antarctica) ตรงขั้วโลกใต้ สามารถช่วยเราได้ เพราะพื้นที่ 98% ของทวีปแอนตาร์กติกาปกคลุมไปด้วยแผ่นน้ำแข็งที่หนาเฉลี่ยถึง 1.6 กิโลเมตร น้ำแข็ง 90% ของโลกมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ซึ่งมันสามารถสร้างน้ำจืดให้เราได้ถึง 70% ของปริมาณน้ำจืดที่มีในโลก แต่ข้อเสียอย่างเดียวก็คือ ถ้ามันละลายหมด น้ำทะเลทั่วโลกจะสูงขึ้นเฉลี่ย 60 เมตร หรือสูงประมาณตึก 20 ชั้น เวลานั้นภาคอีสานบ้านเราก็จะมีชายฝั่งทะเลเป็นของตัวเองแล้ว

          13. อุณหภูมิเฉลี่ยบนพื้นผิวโลกอยู่ที่ 14 องศาเซลเซียส แต่ถ้าใครชอบอากาศหนาวๆ ต้องไปเที่ยวขั้วโลกใต้ เพราะที่ "สถานีวิจัยวอสต๊อก" (Vostok Station) ในทวีปแอนตาร์กติกา เคยวัดอุณหภูมิได้ต่ำที่สุดในโลกถึง - 89.2 องศาเซลเซียส วัดเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ.2526 ส่วนอุณหภูมิที่สูงที่สุดบนพื้นผิวโลก คือ 57.8 องศาเซลเซียส ที่เมือง "อัลอซิซยา" (Al 'Aziziyah) ประเทศลิเบีย ในทวีปแอฟริกา วัดได้เมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ.2465
          14. คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่ายอดเขาที่สูงที่สุดของไทยคือ "ดอยอินทนนท์" แต่ยอดเขาที่สูงที่สุดของโลกอยู่ที่ยอดเขา "เอเวอเรสต์" (Everest)ประเทศเนปาล มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 8,848 เมตร ซึ่งต้องเอาดอยอินทนนท์ 3.5 ลูก มาต่อกันถึงจะได้ความสูงเท่านี้ และแน่นอนว่าจุดนี้คือจุดที่สูงที่สุดของโลกเราแล้ว
          15. สำหรับจุดที่ต่ำที่สุดของโลกอยู่ใน "ร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนา" (Mariana Trench) ในมหาสมุทรแปซิฟิก ใกล้กับ "เกาะกวม" (Guam) ทางตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า "ชาลเลนเจอร์ดีป" (Challenger Deep) รูปร่างหน้าตาเหมือนหุบเหวที่อยู่ใต้ท้องทะเล ก้นของหุบเหวนี้มีความลึกจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 10,923 เมตร ลึกกว่าความสูงของยอดเขาเอเวอเรสต์เสียอีก
          16. ผืนน้ำบนโลกนี้ถูกแบ่งออกเป็น 5 มหาสมุทร เรียงตามขนาดใหญ่ คือ "มหาสมุทรแปซิฟิก" (Pacific Ocean) "มหาสมุทรแอตแลนติก" (Atlantic Ocean) "มหาสมุทรอินเดีย" (Indian Ocean) "มหาสมุทรใต้" (Southern Ocean) และ "มหาสมุทรอาร์กติก" (Arctic Ocean) มหาสมุทรแปซิฟิกกินพื้นที่ถึง 169.2 ล้านตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็น 30% ของพื้นที่ผิวทั้งหมดของโลก ส่วนมหาสมุทรอาร์กติกกินพื้นที่เพียง 14.056 ล้านตารางกิโลเมตร ประเทศรัสเซียแค่ประเทศเดียวยังมีขนาดใหญ่กว่า
          17. ผืนดินบนโลกนี้ถูกแบ่งออกเป็น 7 ทวีป (ตามหลักเกณฑ์ที่ใช้ในสหรัฐอเมริกา) เรียงตามขนาดใหญ่ คือ "ทวีปเอเชีย" (Asia) "ทวีปแอฟริกา" (Africa) "ทวีปอเมริกาเหนือ" (North America) "ทวีปอเมริกาใต้" (South America) "ทวีปแอนตาร์กติกา" (Antarctica) "ทวีปยุโรป" (Europe) และ "ทวีปออสเตรเลีย" (Australia) ทวีปเอเชียกินพื้นที่ถึง 43.82 ล้านตารางกิโลเมตร คิดเป็น 8.5% ของพื้นที่ผิวทั้งหมดของโลก แต่ทวีปออสเตรเลียกินพื้นที่แค่ 9,008,500 ตารางกิโลเมตร หรือ 1.7% ของพื้นที่ผิวทั้งหมดของโลก เล็กกว่ากันเกือบ 5 เท่าตัว